การทำงานของเครื่องตรวจหา GPS ติดตาม (GPS Tracker Detector) ส่วนใหญ่จะอาศัยหลักการตรวจจับสัญญาณที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์ GPS ติดตามเหล่านั้น โดยมีวิธีการหลัก ๆ ดังนี้:
1. การตรวจจับสัญญาณวิทยุ (RF Signal Detection) 📡
GPS Tracker ส่วนใหญ่ที่เป็นแบบ Active Tracker (ส่งข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์) จะต้องมีการส่งข้อมูลพิกัดที่ได้จากดาวเทียมไปยังผู้ใช้งานผ่านเครือข่ายมือถือ (เช่น GSM, GPRS, 3G, 4G/LTE หรือ 5G)
* หลักการ: เครื่องตรวจจับจะทำหน้าที่เป็น เครื่องวัดความถี่วิทยุ (RF Signal Detector) ที่ออกแบบมาเพื่อสแกนและตรวจจับสัญญาณคลื่นความถี่ที่ใช้โดยโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ส่งสัญญาณไร้สายอื่น ๆ ซึ่งเป็นความถี่เดียวกับที่ GPS Tracker ใช้ในการส่งข้อมูลตำแหน่ง
* การทำงาน: เมื่อ GPS Tracker ส่งข้อมูลตำแหน่ง (ซึ่งเป็นการปล่อยสัญญาณวิทยุ) เครื่องตรวจจับจะรับสัญญาณนั้นได้ และจะแจ้งเตือนผู้ใช้ด้วยเสียง แสง หรือการสั่น โดยความแรงของสัญญาณที่ตรวจจับได้จะแปรผันตามระยะทาง—ยิ่งสัญญาณแรงมากเท่าไหร่ ก็แสดงว่าอุปกรณ์ GPS ติดตามยิ่งอยู่ใกล้มากเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้สามารถจำกัดพื้นที่ค้นหาได้
2. การตรวจจับสนามแม่เหล็ก (Magnetic Field Detection) 🧲
GPS Tracker บางประเภทถูกออกแบบมาให้มี แม่เหล็กในตัว เพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งและซ่อนในรถยนต์หรือวัตถุอื่น ๆ
* หลักการ: เครื่องตรวจจับบางรุ่นจะมี เซนเซอร์ตรวจจับสนามแม่เหล็ก (คล้ายกับเครื่องวัดสนามแม่เหล็กหรือ Magnetometer)
* การทำงาน: เมื่อนำเครื่องตรวจจับไปใกล้กับวัตถุที่ซ่อน GPS Tracker ชนิดแม่เหล็กอยู่ เครื่องตรวจจับก็จะตรวจพบสนามแม่เหล็กและแจ้งเตือน ทำให้สามารถระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ได้ แม้ว่า GPS Tracker นั้นจะไม่ได้กำลังส่งสัญญาณวิทยุอยู่ (เช่น อยู่ในโหมดสแตนด์บาย หรือเป็น Passive Tracker ที่บันทึกข้อมูลไว้ในตัว)
3. การตรวจจับเลนส์กล้อง (Lens Detection) 📸 (สำหรับอุปกรณ์ดักฟัง/กล้องซ่อน)
แม้จะไม่ใช่การตรวจจับ GPS โดยตรง แต่เครื่องตรวจจับบางรุ่นก็มีความสามารถในการค้นหา กล้องซ่อน ที่อาจติดตั้งร่วมกับอุปกรณ์ติดตาม
* หลักการ: ใช้วิธีการยิงแสงอินฟราเรดหรือเลเซอร์ไปยังบริเวณที่สงสัย แล้วมองผ่านช่องมองภาพของเครื่องตรวจจับ หากมีเลนส์กล้องซ่อนอยู่ เลนส์จะสะท้อนแสงกลับมาเป็นจุดสว่าง ทำให้สามารถระบุตำแหน่งของกล้องได้